นักการทูตหมายเลขหนึ่งของจีนเสนอยกระดับความร่วมมือหลายด้าน กับรัฐบาลสหรัฐชุดใหม่ของว่าที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แต่เตือนอีกฝ่ายควรยุติการสร้างบรรยากาศของสงครามเย็นในแบบ “ลัทธิแมคคาร์ธี” ด้วย

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 19 ธ.ค.ว่านายหวัง อี้ รมว.การต่างประเทศจีน กล่าวเมื่อวันศุกร์ เกี่ยวกับทิศทางของความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลปักกิ่งกับรัฐบาลวอชิงตัน เมื่อนายโจ ไบเดน สาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 46 ของสหรัฐ ในช่วงเที่ยงของวันที่ 20 ม.ค. 2564 ว่าโดยส่วนตัวเขามองว่า “เป็นเรื่องสำคัญ” ที่การดำเนินนโยบายของอเมริกาในอนาคต “จะกลับมาตั้งอยู่บนพื้นฐานของความไว้วางใจซึ่งกันและกัน” โดย “มีเป้าหมายและมีสติ”
 
ขณะเดียวกัน หวังกล่าวว่า ท่ามกลางวาระสำคัญระดับโลก ณ เวลานี้ คือวิกฤติการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 การฟื้นฟูเศรษฐกิจ และการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมเรื้อรัง จีนมองว่า “ยังมีพื้นที่” ให้กับความร่วมมือและการประนีประนอมระหว่างทั้งสองประเทศ โดยในส่วนของการบรรเทาวิกฤติโรคระบาด รมว.การต่างประเทศจีนเสนอความร่วมมือในการผลิตวัคซีน และความร่วมมือด้านโลจิสติกส์ ในการจัดส่งวัคซีนให้แก่ประเทศยากจน

อย่างไรก็ตาม นักการทูตหมายเลขหนึ่งของรัฐบาลปักกิ่งยังคงมองว่า สหรัฐยังคงดำเนินกลยุทธ์ด้านการต่างประเทศด้วยการสร้างกรอบความคิดแบบ “ลัทธิแมคคาร์ธี” ที่เป็นรูปแบบของการ “ล่าแม่มด” ตั้งแต่ยุคสงครามเย็น เพื่อต่อต้านอิทธิพลของอุดมการณ์คอมมิวนิสต์ นายหวังกล่าวว่า แนวคิดดังกล่าวได้รับการปลุกกระแสขึ้นมากอย่างชัดเจนในยุครัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จนส่งผลต่อความร่วมมือมือระหว่างประเทศหลายด้าน

อนึ่ง ลัทธิแมคคาร์ธี เป็นการตั้งชื่อตามนายโจเซฟ แมคคาร์ธีย์ วุฒิสมาชิกของพรรครีพับลิกันในช่วงหลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งกล่าวว่ามีบุคคลฝักใฝ่แนวคิดคอมมิวนิสต์แฝงตัวอยู่ในแทบทุกวงการของสหรัฐ ส่งผลให้มีการเชิญตัวบุคคลจำนวนมากมาสอบสวน ฐาน “ไม่มีความเป็นอเมริกัน”