นายดมิโทร คูเลบา รมว.การต่างประเทศยูเครน กล่าวถึงบรรยากาศความตึงเครียดตามแนวพรมแดนฝั่งตะวันออก ที่ติดกับภาคตะวันตกของรัสเซีย ซึ่งยืดเยื้อมานานหลายเดือนแล้ว ว่าหากรัฐบาลมอสโก “มีความจริงจังอย่างแท้จริง” ว่าไม่ประสงค์ทำสงครามเต็มรูปแบบในบริเวณนี้ ขอให้ถอนทหารกลับออกไป ทั้งตามแนวชายแดน และภูมิภาคดอนบาส หรือภาคตะวันออกของยูเครน แล้วร่วมเจรจาตามวิถีทางการทูต “ซึ่งเป็นหนทางเดียวที่เป็นไปได้”

ขณะที่สหรัฐ องค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ ( นาโต ) และกลุ่มประเทศตะวันตกอีกหลายแห่ง ยังคงเชื่อมั่นว่า “รัสเซียจะบุกยูเครน” อย่างไรก็ตาม นายเยนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการนาโต ยืนยันว่า ความสนับสนุนทางทหารจากนาโตต่อยูเครน ในกรณีที่รัสเซีย “ใช้มาตรการทางทหารข้ามพรมแดน” จะเป็นความช่วยเหลือด้านสรรพาวุธ ไม่ใช่กำลังพล “เพื่อปฏิบัติภารกิจทางยุทธวิธี” และเสนอแนะให้ยุโรปแสวงหา “แหล่งพลังงานที่มีความหลากหลาย” สื่อถึงการลดการพึ่งพิงการรับก๊าซธรรมชาติผ่านท่อจากรัสเซียเป็นหลัก

ด้าน นายเซอร์เก ลาฟรอฟ รมว.การต่างประเทศของรัสเซีย กล่าวว่า ได้ส่งหนังสืออย่างเป็นทางการ ไปยังนาโต และองค์การความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป ( โอเอสซีอี ) เพื่อขอคำชี้แจงในระดับที่เป็นทางการ ว่าจะดำเนินการตาม “พันธกรณี” ในการ “เสริมสร้างความแข็งแกร่งด้านความมั่นคงให้กับตัวเอง “โดยไม่ให้ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของคนอื่น” ได้อย่างไร

หากนาโตและโอเอสซีอีไม่ประสงค์ดำเนินการตามนั้น รัสเซียขอคำอธิบายอย่างละเอียดและตรงไปตรงมา ว่าเป็นเพราะเหตุใด ซึ่งนี้จะเป็น “กุญแจดอกสำคัญ” ให้กับรัฐบาลมอสโก ในการพิจารณาดำเนินการขั้นต่อไป โดยแน่นอนว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน จะเป็นผู้ตัดสินใจขั้นสุดท้าย