ผลการศึกษาพบว่า อิสราเอลเป็นประเทศซึ่งมีอัตราประชากรได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 มากที่สุดในโลก อย่างไรก็ดี ผู้ได้รับวัคซีนอย่างน้อย 240 คน ติดเชื้อในเวลาต่อมา เพราะได้รับภูมิคุ้มกันยังไม่ครบขนาด

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล เมื่อวันที่ 3 ม.ค. ว่ าข้อมูลจาก https://ourworldindata.org/covid-vaccinations ที่มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ดของสหราชอาณาจักรเป็นหนึ่งในพันธมิตร ระบุว่า อิสราเอลเป็นประเทศซึ่งมีอัตราการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ให้แก่ประชาชนมากที่สุด โดยอยู่ที่ 11.55 ต่อประชากร 100 คน ตามด้วยบาห์เรน 3.49 และสหราชอาณาจักร 1.47

ทั้งนี้ อิสราเอลซึ่งมีประชากรประมาณ 8.6 ล้านคน เริ่มฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชน ตั้งแต่วันที่ 19 ธ.ค.ที่ผ่านมา โดยเป็นวัคซีนที่พัฒนาโดยบริษัทไฟเซอร์ของสหรัฐ ร่วมกับบริษัทไบโอเอ็นเทคของเยอรมนี  ขณะที่รัฐบาลของนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู กำลังพิจารณาความเป็นไปได้ ในการจัดตั้งศูนย์ให้บริการฉีดวัคซีนตลอด 24 ชั่วโมง เนื่องจากภาครัฐต้องการเพิ่มเป้าหมายการฉีดวัคซีนอีก 2 เท่าต่อสัปดาห์ เป็น 150,000 คน ภายในเดือน ม.ค.นี้
 
อย่างไรก็ตาม อิสราเอลอยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมโรคโควิด-19 เป็นครั้งที่ 3 ตั้งแต่วันที่ 27 ธ.ค.ที่ผ่านมา โดยจะยังคงครอบคลุมระยะเวลาอย่างน้อย 14 วันเท่ากับอีก 2 ครั้งก่อนหน้านี้
 
ขณะที่สถานีโทรทัศน์ช่อง 13 ของอิสราเอล รายงานเมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว ว่านับตั้งแต่ดำเนินการฉีดวัคซีนของไฟเซอร์/ไบโอเอ็นเทค ปรากฏว่าชาวอิสราเอลอย่างน้อย 240 คน มีผลตรวจคัดกรองเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เป็นบวก หลังได้รับการฉีดวัคซีนเพียงไม่กี่วัน

ด้านผู้เชี่ยวชาญยืนยันว่า มีความเป็นไปได้ เพราะบุคคลได้รับการฉีดวัคซีนยังไม่ครบ 2 โดส โดยวัคซีนของไฟเซอร์/ไบโอเอ็นเทคต้องฉีดห่างกัน 21 วัน